พิธีพระศพ ของ การเสียชีวิตของไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์

ช่อดอกไม้ในพิธีพระศพของไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์

ดูเพิ่มเติมที่ พิธีศพของไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์

การเสียชีวิตอย่างกะทันหันของไดอานาสร้างความตกตะลึงให้กับชาวโลก ประชาชนชาวอังกฤษต่างตกอยู่ในอาการโศกเศร้าและร้องไห้คร่ำครวญต่อเจ้าหญิงในดวงใจ พิธีพระศพถูกจัดขึ้นอย่างเป็นทางการในวันเสาร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2540 โดยมีประชาชนราว 3 ล้านคนมาร่วมไว้อาลัยและยืนรอบนถนนเพื่อชมขบวนพระศพที่ดำเนินผ่านในกรุงลอนดอน [24] และพิธีนี้ได้มีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก กลายเป็นข่าวสำคัญกว่าการเสียชีวิตของแม่ชีเทเรซาที่เสียชีวิตในสัปดาห์เดียวกันนั้น

ประชาชนจำนวนมากได้ร่วมลงนามถวายความอาลัยที่พระราชวังเซนต์เจมส์ ตลอดทั้งวันมีสมาชิกจากหน่วยอาสาสมัครหญิงในสหราชอาณาจักรและกองทหารราบจากแคว้นเวลส์มาผลัดเปลี่ยนหน้าที่ดูแลควบคุมฝูงชนจนถึงกลางคืน [25] และยังมีกองดอกไม้จำนวนมหาศาลหลายล้านช่อที่ประชาชนได้นำมาวางไว้ที่ถนนหน้าพระราชวังเคนซิงตัน พระราชวังที่ไดอานาเคยพำนักอยู่ ส่วนที่คฤหาสน์อัลธอร์พประจำตระกูลของพระองค์ได้ขอร้องห้ามให้ประชาชนนำดอกไม้วางบนถนนหน้าคฤหาสน์ เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย

กระทั่งวันที่ 10 กันยายน กองดอกไม้ภายนอกพระราชวังเคนซิงตันกองทับกันสูงกว่า 1.5 เมตร ชั้นดอกไม้ชั้นล่างสุดเริ่มเน่าเปื่อยและส่งกลิ่นเหม็น [26] ส่วนที่พระราชวังเซนต์เจมส์ ประชาชนยังคงอดทนรอต่อแถวเพื่อลงนามถวายการไว้อาลัยด้วยอาการสงบ

ทั้งนี้ได้เกิดความวุ่นวายขึ้นเล็กน้อยเมื่อ ฟาบิโอ ปีราส นักท่องเที่ยวชาวซาร์ดิเนีย ถูกจำคุก 1 สัปดาห์หลังหยิบเอาตุ๊กตาหมีเท็ดดี้แบร์ออกจากกองดอกไม้และถูกปรับเป็นเงิน 100 ปอนด์ นายปีราสถูกประชาชนกลุ่มหนึ่งชกเข้าที่ใบหน้าหลังเดินทางออกจากศาล [27] วันต่อมา มาเรีย ริโกซีโอวา ครูโรงเรียนมัธยมวัย 54 ปี และอิกเนสซา ซิเฮลกา ช่างเทคนิคโทรคมนาคมถูกจับกุมและศาลตัดสินให้จำคุกนาน 28 วัน เพราะได้ขโมยตุ๊กตาหมีเท็ดดี้แบร์ 11 ตัวและช่อตอกไม้จำนวนหนึ่งที่หน้าพระราชวังเซนต์เจมส์ แต่ต่อมาถูกลดโทษเป็นค่าปรับคนละ 200 ปอนด์ หลังถูกกักขังนาน 2 วัน [28]

บางคนวิจารณ์ว่าปฏิกิริยาของประชาชนที่มีต่อการเสียชีวิตของไดอานาในตอนนั้นว่า "ร้องไห้ตีโพยตีพายเกินไป" และ "ไม่มีเหตุผล"

ในปีพ.ศ. 2542 แอนโทนี โอเฮียร์ ระบุว่า ความเศร้าสลดเสียใจในครั้งนั้นได้นิยามความหมายของคำ "การแสดงความรู้สึกออกมามากไปของชาวอังกฤษ" เมื่อปรากฏการณ์เกิดขึ้นโดยมีสื่อเป็นต้นเหตุ ทำให้ภาพลักษณ์และความเป็นจริงปะปนสับสนกันจนแยกไม่ออก [29] และนักวิจารณ์ยังคงกล่าวพาดพิงเหตุการณ์นี้ซำอีก ในวันครบรอบปีที่ 10 ของการเสียชีวิต ซึ่งนักหนังสือพิมพ์โจนาธาน ฟรีดแลนด์ แสดงความเห็นว่า "เป็นความหลังที่น่าอับอาย เหมือนสมุดไดอารี่ของวัยรุ่นที่น่าหมั่นไส้และชวนให้สมเพชตัวเอง เราต้องแสร้งทำเป็นก้มหน้าอายเมื่อหวนรำลึกถึงเรื่องนี้" แต่ว่านักวิเคราะห์บางคนกลับไม่เห็นด้วยกับคำกล่าวนี้ เดบอราห์ สไตนเบิร์ก นักสังคมวิทยา ชี้แจงว่า ชาวอังกฤษมากมายมีความสัมพันธ์กับไดอานาผ่านทางสังคมที่แปรเปลี่ยนไปและโอออ้อมอารีกว่าเดิม โดยไม่เกี่ยวข้องกับราชวงศ์เลย และกล่าวทิ้งท้ายว่า "ฉันไม่คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องคร่ำครวญเกินกว่าเหตุ การสูญเสียบุคคลสำคัญจะเป็นสิ่งทดสอบทุกอย่างในสังคม"[30]

ใกล้เคียง

แหล่งที่มา

WikiPedia: การเสียชีวิตของไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์ http://www.ctv.ca/servlet/ArticleNews/story/CTVNew... http://www.channel4.com/culture/microsites/D/diana... http://www.conspiracyplanet.com/channel.cfm?Channe... http://www.coverups.com/diana/photos-2.htm http://findarticles.com/p/articles/mi_qn4158/is_19... http://www.people.com/people/article/0, http://www.time.com/time/daily/special/diana/timel... //www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/11060002 http://www.theroyalist.net/content/view/372/2/ http://web.archive.org/web/20040913114236/http://w...